:: ยุติธรรม แม้ถูกอธรรม : การตอบโต้ของสุลต่านสะลีมที่ 1 ต่อการอธรรมในอันดะลุส ::
เมื่อสุลต่านมุฮัมหมัด อัศเศาะฆีรได้มอบกุญแกวังอัลหัมรออ์ให้กับกษัตริย์เฟอร์ดินาน ในวันที่ 2 มกราคม 1492 อำนาจของชาวมุสลิมในแผ่นดินอันดะลุสก็สิ้นสุดลง และเป็นจุดเริ่มต้นของช่วงเวลาที่ยากลำบากของชาวมุสลิมที่นั่น เพราะหลังเกิดเหตุโศกนาฏกรรมที่น่าเศร้า ชาวมุสลิมมีเพียง 2 ทางเลือกเท่านั้น คือการเข้ารับศาสนาคริสต์หรือทิ้งแผ่นดินอันดะลุสไป
การอยู่ที่อันดะลุสโดยนับถือศาสนาอิสลามนั้น หมายถึง การฆ่าตัวตาย ชาวมุสลิมจำนวนมากจึงเลือกทิ้งแผ่นดินอันดะลุสออกมา แต่ก็มีไม่น้อยเหมือนกันที่ยอมเปลี่ยนภาพศาสนาภายนอก แต่ยังคงปฏิบัติคำสอนอิสลามอย่างลับ ๆ
คนกลุ่มนี้แหละที่ต่อมาเป็นที่รู้จักในชื่อชาว “โมริสโค” (Morisco) หรือ“มัวร์” (Moors) ที่ต่อมากลายบเป็นกลุ่มคนชายขอบในยุโรป
และไม่นานชาวโมริสโคก็ถูกประหัตประหาร กระทั่งอิสลามเคยส่องแสงให้กับอารยธรรมยุโรปมาเป็นเวลา 700 ปี ดูราวกับว่าไม่เคยมีอยู่จริง เลือดหยดสุดท้ายของชาวมุสลิมคนสุดท้ายถูกหลั่งลงที่นั่นในตอนนั้น
เมื่อข่าวนี้ไปถึงสุลต่านสะลีมที่ 1 แห่งราชวงศ์ออตโตมันที่ตุรกี มันทำให้ท่านโกรธมาก ๆ ท่านจึงได้ออกกฤษฎีกาโดยมีคำสั่งให้ชาวยิวและคริสเตียนทั้งหมดที่อาศัยอยู่ในอาณาจักรอิสลามเลือกว่าจะยังคงอยู่ในแผ่นดินนี้โดยนับถือศาสนาอิสลาม (คือ บังคับให้เปลี่ยนศาสนาเหมือนที่เกิดขึ้นในอันดะลุส) หรือออกไปยังอาณาจักรอิสลามเสีย
แต่กฤษฎีกาดังกล่าวถูกบรรดาผู้รู้คัดค้าน พวกเขามาหาสุลต่านและตักเตือนท่าน แม้แต่ท่านมุฟตีย์ใหญ่ในตอนนั้นก็ยังไม่เห็นด้วยและได้อธิบายว่าคำสั่งดังกล่าวนำไปใช้ไม่ได้ แม้ว่าชาวมุสลิมจะถูกไล่ล่าประหักประหารในแผ่นดินครูเสดก็ตาม เพราะในศาสนาอิสลามนั้นไม่มีการบังคับในการนับถือศาสนา
สุดท้าย สุลต่านสะลีมก็ถอนกฤษฎีกาดังกล่าว และรัฐอิสลามยังคงให้การดูแลและคุ้มครองชาวยิว, คริสเตียน และผู้นับถือศาสนาอื่น ๆ ต่อไป เช่นเดียวกับชาวมุสลิมทั้งหลาย
——————–
อ้างอิง :
1- สุกูฏ อัลอันดะลุส โดย ดร.นาศิร บินสุลัยมาน อัลอุมัร
2- กิศเศาะตุล อันดะลุส โดย ดร.รอฆิบ อัสสิรญานีย์