حَدَّثَنَا أَبُو النُّعْمَانِ حَدَّثَنَا أَبُو عَوَانَةَ عَنْ أَبِي بِشْرٍ عَنْ أَبِي الْمُتَوَكِّلِ عَنْ أَبِي سَعِيدٍ رَضِيَ اللَّهُ عَنْهُ قَالَ : انْطَلَقَ نَفَرٌ مِنْ أَصْحَابِ النَّبِيِّ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ فِي سَفْرَةٍ سَافَرُوهَا حَتَّى نَزَلُوا عَلَى حَيٍّ مِنْ أَحْيَاءِ الْعَرَبِ، فَاسْتَضَافُوهُمْ فَأَبَوْا أَنْ يُضَيِّفُوهُمْ، فَلُدِغَ سَيِّدُ ذَلِكَ الْحَيِّ، فَسَعَوْا لَهُ بِكُلِّ شَيْءٍ لَا يَنْفَعُهُ شَيْءٌ، فَقَالَ بَعْضُهُمْ : لَوْ أَتَيْتُمْ هَؤُلَاءِ الرَّهْطَ الَّذِينَ نَزَلُوا، لَعَلَّهُ أَنْ يَكُونَ عِنْدَ بَعْضِهِمْ شَيْءٌ، فَأَتَوْهُمْ فَقَالُوا : يَا أَيُّهَا الرَّهْطُ إِنَّ سَيِّدَنَا لُدِغَ وَسَعَيْنَا لَهُ بِكُلِّ شَيْءٍ لَا يَنْفَعُهُ، فَهَلْ عِنْدَ أَحَدٍ مِنْكُمْ مِنْ شَيْءٍ؟، فَقَالَ بَعْضُهُمْ : نَعَمْ، وَاللَّهِ إِنِّي لَأَرْقِي، وَلَكِنْ وَاللَّهِ لَقَدْ اسْتَضَفْنَاكُمْ فَلَمْ تُضَيِّفُونَا، فَمَا أَنَا بِرَاقٍ لَكُمْ حَتَّى تَجْعَلُوا لَنَا جُعْلًا، فَصَالَحُوهُمْ عَلَى قَطِيعٍ مِنْ الْغَنَمِ، فَانْطَلَقَ يَتْفِلُ عَلَيْهِ وَيَقْرَأُ : الْحَمْدُ لِلَّهِ رَبِّ الْعَالَمِينَ، فَكَأَنَّمَا نُشِطَ مِنْ عِقَالٍ فَانْطَلَقَ يَمْشِي وَمَا بِهِ قَلَبَةٌ قَالَ : فَأَوْفَوْهُمْ جُعْلَهُمْ الَّذِي صَالَحُوهُمْ عَلَيْهِ، فَقَالَ بَعْضُهُمْ : اقْسِمُوا، فَقَالَ الَّذِي رَقَى : لَا تَفْعَلُوا حَتَّى نَأْتِيَ النَّبِيَّ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ فَنَذْكُرَ لَهُ الَّذِي كَانَ فَنَنْظُرَ مَا يَأْمُرُنَا، فَقَدِمُوا عَلَى رَسُولِ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ فَذَكَرُوا لَهُ، فَقَالَ “وَمَا يُدْرِيكَ أَنَّهَا رُقْيَةٌ؟” ثُمَّ قَالَ “قَدْ أَصَبْتُمْ، اقْسِمُوا، وَاضْرِبُوا لِي مَعَكُمْ سَهْمًا” فَضَحِكَ رَسُولُ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ
قَالَ أَبُو عَبْد اللَّهِ : وَقَالَ شُعْبَةُ : حَدَّثَنَا أَبُو بِشْرٍ سَمِعْتُ أَبَا الْمُتَوَكِّلِ بِهَذَا
อันนุอฺมานได้รายงานแก่พวกเราว่า อบูอะวานะฮฺได้รายงานแก่พวกเรา จากอบูบิชรฺ จากอบุลมุตะวักกิล จากท่านอบูสะอีด (อัลคุดรีย์) เราะฎิยัลลอฮุอันฮฺ ซึ่งกล่าวว่า : เศาะหาบะฮฺกลุ่มหนึ่งของท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะสัลลัม ได้ออกไปในการทางเดินหนึ่ง กระทั่งไปถึงหมู่บ้านอาหรับหมู่บ้านหนึ่ง พวกเขาได้ขอให้คนในหมู่บ้านรับพวกเขาเป็นแขก แต่ชาวบ้านปฏิเสธ แล้วหัวหน้าเผ่าอาหรับของหมู่บ้านนั้นก็ถูก (สัตว์มีพิษ) กัด พวกเขาพยายามหาทุกอย่างมารักษาแล้ว แต่ไม่เกิดประโยชน์ใด ๆ พวกเขาบางคนจึงกล่าวขึ้นว่า “พวกท่านลองไปหาคนเหล่านั้น หวังว่าพวกเขาจะมีบางอย่าง (ที่สามารถใช้รักษาได้)” แล้วพวกเขาก็มาหาเศาะหาบะฮฺกลุ่มนั้น และได้กล่าวว่า “โอ้ท่านผู้มาเยือน แท้จริงหัวหน้าเผ่าของเราถูก (สัตว์มีพิษ) กัด และเราพยายามหาทุกอย่างมารักษาเขาแล้ว แต่ไม่เกิดประโยชน์ใด ๆ พวกท่านพอจะมีสิ่งใดที่ใช้รักษาเขาได้ไหม?” เศาะหาบะฮฺบางคนก็ตอบว่า “แน่นอน ขอสาบานต่ออัลลอฮฺ ฉันจะรักษาให้ด้วยวิธีรุกยะฮฺ แต่ขอสาบานต่ออัลลอฮฺ เราได้ขอให้พวกท่านรับเราเป็นแขก แต่พวกท่านกลับปฏิเสธ ฉันก็จะไม่รักษาให้กับพวกท่าน จนกว่าพวกท่านจะจ่ายค่าตอบแทนให้” แล้วพวกเขาก็ยอมรับที่จะจ่ายค่าตอบแทนเป็นแพะจำนวนหนึ่ง เศาะหาบะฮฺคนนั้นจึงเดินทางไปพบกับหัวหน้าเผ่าและรักษาเขาด้วยการอ่าน (รุกยะฮฺ) “อัลหัมดุลิลลาฮิ ร็อบบิล อาละมีน” (คือ สูเราะฮฺอัลฟาติหะฮฺ) ประหนึ่งว่าปมเชือกที่ถูกมัดไว้ถูกแก้เรียบร้อย ทั้งที่เขาไปหาโดยไม่มียาใด ๆ ไปด้วยเลย ท่านอบูสะอีดเล่าต่อว่า : แล้วพวกเขาก็ได้จ่ายค่าตอบบแทนตามที่สัญญาไว้ บางคนในหมู่เศาะหาบะฮฺได้กล่าวว่า “แบ่งกันเถิด” แต่คนที่ทำการรักษาพูดว่า “อย่าทำอย่างนั้น จนกว่าเราจะได้ไปหาท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะสัลลัม และเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ท่านทราบ แล้วดูสิว่าท่านจะสั่งใช้ให้เราทำอะไรบ้าง” แล้วพวกเขาก็ได้มาหาท่านเราะสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะสัลลัม และได้เล่าเรื่องดังกล่าวแก่ท่าน ท่านจึงกล่าวว่า “ท่านรู้ได้อย่างไรว่ามัน (อัลฟาติหะฮฺ) ใช้รักษาด้วยวิธีรุกยะฮฺได้?” จากนั้นท่านก็กล่าวว่า “พวกท่านทำถูกต้องแล้ว จงแบ่ง (แพะเหล่านั้น) กันเถิด และให้ฉันมีส่วนร่วมกับพวกท่านด้วย” แล้วท่านเราะสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะสัลลัม ก็หัวเราะ
อบูอับดุลลอฮฺ (หมายถึง อิมามอัลบุคอรีย์) กล่าวว่า ชุอฺบะฮฺได้กล่าวว่า : อบูบิชรฺได้รายงานแก่พวกเราว่า ฉันได้ฟังอบุลมุตะวักกิลรายงานไว้อย่างนี้