حَدَّثَنَا عَبْدُ اللَّهِ بْنُ يُوسُفَ أَخْبَرَنَا مَالِكٌ عَنْ نَافِعٍ عَنْ عَبْدِ اللَّهِ بْنِ عُمَرَ رَضِيَ اللَّهُ عَنْهُمَا قَالَ : أَرَادَتْ عَائِشَةُ أُمُّ الْمُؤْمِنِينَ أَنْ تَشْتَرِيَ جَارِيَةً لِتُعْتِقَهَا، فَقَالَ أَهْلُهَا : عَلَى أَنَّ وَلَاءَهَا لَنَا، قَالَ رَسُولُ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ { لَا يَمْنَعُكِ ذَلِكِ فَإِنَّمَا الْوَلَاءُ لِمَنْ أَعْتَقَ }
อับดุลลอฮฺ บินยูสุฟ ได้รายงานแก่พวกเราว่า มาลิกได้บอกเล่าแก่พวกเรา จากนาฟิอฺ จากท่านอับดุลลอฮฺ บินอุมัร เราะฎิยัลลอฮุอันฮุมา ซึ่งได้กล่าวว่า : ท่านหญิงอาอิชะฮฺ อุมมุลมุอ์มินีน ต้องการซื้อทาสีคนหนึ่งเพื่อปลดปล่อยให้เป็นอิสระ แต่เจ้านายของทาสีคนนั้นได้กล่าวว่า “แต่สิทธิ์การเป็นวลี (ผู้ปกครองที่มีสิทธิ์รับมรดกและอื่น ๆ) จะต้องยังคงเป็นของพวกเรา” ท่านเราะสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะสัลลัม ได้กล่าว (กับท่านหญิงอาอิชะฮฺ) ว่า “อย่าให้เรื่องดังกล่าวมาขัดขวางเธอได้ แท้จริงสิทธิ์การเป็นวลีนั้นเป็นของผู้ที่ปลดปล่อย”