حَدَّثَنَا مُسَدَّدٌ حَدَّثَنَا أَبُو عَوَانَةَ عَنْ قَتَادَةَ عَنْ أَنَسٍ رَضِيَ اللَّهُ عَنْهُ قَالَ : قَالَ رَسُولُ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ { يَجْمَعُ اللَّهُ النَّاسَ يَوْمَ الْقِيَامَةِ، فَيَقُولُونَ : لَوْ اسْتَشْفَعْنَا عَلَى رَبِّنَا حَتَّى يُرِيحَنَا مِنْ مَكَانِنَا، فَيَأْتُونَ آدَمَ فَيَقُولُونَ : أَنْتَ الَّذِي خَلَقَكَ اللَّهُ بِيَدِهِ وَنَفَخَ فِيكَ مِنْ رُوحِهِ وَأَمَرَ الْمَلَائِكَةَ فَسَجَدُوا لَكَ فَاشْفَعْ لَنَا عِنْدَ رَبِّنَا، فَيَقُولُ : لَسْتُ هُنَاكُمْ، وَيَذْكُرُ خَطِيئَتَهُ، وَيَقُولُ : ائْتُوا نُوحًا أَوَّلَ رَسُولٍ بَعَثَهُ اللَّهُ، فَيَأْتُونَهُ فَيَقُولُ : لَسْتُ هُنَاكُمْ، وَيَذْكُرُ خَطِيئَتَهُ : ائْتُوا إِبْرَاهِيمَ الَّذِي اتَّخَذَهُ اللَّهُ خَلِيلً،ا فَيَأْتُونَهُ فَيَقُولُ : لَسْتُ هُنَاكُمْ، وَيَذْكُرُ خَطِيئَتَهُ : ائْتُوا مُوسَى الَّذِي كَلَّمَهُ اللَّهُ، فَيَأْتُونَهُ فَيَقُولُ : لَسْتُ هُنَاكُمْ، فَيَذْكُرُ خَطِيئَتَهُ : ائْتُوا عِيسَى، فَيَأْتُونَهُ فَيَقُولُ : لَسْتُ هُنَاكُمْ، ائْتُوا مُحَمَّدًا صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ فَقَدْ غُفِرَ لَهُ مَا تَقَدَّمَ مِنْ ذَنْبِهِ وَمَا تَأَخَّرَ، فَيَأْتُونِي فَأَسْتَأْذِنُ عَلَى رَبِّي فَإِذَا رَأَيْتُهُ وَقَعْتُ سَاجِدًا، فَيَدَعُنِي مَا شَاءَ اللَّهُ، ثُمَّ يُقَالُ لِي : ارْفَعْ رَأْسَكَ سَلْ تُعْطَهْ وَقُلْ يُسْمَعْ وَاشْفَعْ تُشَفَّعْ، فَأَرْفَعُ رَأْسِي فَأَحْمَدُ رَبِّي بِتَحْمِيدٍ يُعَلِّمُنِي، ثُمَّ أَشْفَعُ فَيَحُدُّ لِي حَدًّا، ثُمَّ أُخْرِجُهُمْ مِنْ النَّارِ وَأُدْخِلُهُمْ الْجَنَّةَ، ثُمَّ أَعُودُ فَأَقَعُ سَاجِدًا مِثْلَهُ فِي الثَّالِثَةِ أَوْ الرَّابِعَةِ حَتَّى مَا بَقِيَ فِي النَّارِ إِلَّا مَنْ حَبَسَهُ الْقُرْآنُ }
وَكَانَ قَتَادَةُ يَقُولُ عِنْدَ هَذَا : أَيْ وَجَبَ عَلَيْهِ الْخُلُودُ
มุสัดดัดได้รายงานแก่พวกเราว่า อบูอะวานะฮฺได้รายงานแก่พวกเรา จากเกาะตาดะฮฺ จากท่านอนัส เราะฎิยัลลอฮุอันฮฺ กล่าวว่า : ท่านเราะสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะสัลลัม ได้กล่าวว่า “อัลลอฮฺจะทรงรวบรวมมนุษยชาติในวันกิยามะฮฺ แล้วพวกเขาจะกล่าวว่า ‘หากพวกเราร้องขอความช่วยเหลือต่อพระผู้อภิบาลของเรา ความยากลำบากนี้ก็คงผ่านพ้นไปได้’ แล้วพวกเขาก็ไปหานบีอาดัม แล้วกล่าวว่า ‘ท่านคือผู้ที่อัลลอฮฺทรงสร้างมาด้วยพระหัตถ์ของพระองค์ และทรงเป่าวิญญาณจากพระองค์เข้าสู่ร่างของท่าน และทรงใช้ให้บรรดามลาอิกะฮฺสุญูด (ให้เกียรติ) ต่อท่าน แล้วพวกเขาก็สุญูดให้กับท่าน ดังนั้น ได้โปรดขอความช่วยเหลือจากพระผู้อภิบาลของเราแก่พวกเราด้วยเถิด’ นบีอาดัมก็ตอบว่า ‘ฉันไม่ได้อยู่ในสถานะที่จะช่วยพวกท่านได้’ แล้วท่านก็พูดถึงความผิดของท่าน และกล่าวว่า ‘พวกท่านจงไปหานบีนูหฺเถิด เขาคือเราะสูลคนแรกที่อัลลอฮฺทรงส่งมา’ พวกเขาจึงไปหานบีนูหฺ แต่ท่านกลับกล่าวว่า ‘ฉันไม่ได้อยู่ในสถานะที่ช่วยพวกท่านได้’ แล้วท่านก็พูดถึงความผิดของท่าน (จากนั้นก็กล่าวว่า) ‘แต่พวกท่านจงไปหานบีอิบรอฮีม ผู้ที่อัลลอฮฺให้เขาเป็นเคาะลีล (คนสนิทหรือคนรัก) ของพระองค์’ พวกเขาจึงไปหานบีอิบรอฮีม แต่ท่านกลับกล่าวว่า ‘ฉันไม่ได้อยู่ในสถานะที่จะช่วยพวกเจ้าได้’ แล้วท่านก็พูดถึงความผิดของท่าน (แล้วกล่าวว่า) ‘แต่พวกเจ้าจงไปหานบีมูซา ผู้ที่อัลลอฮฺได้ตรัสกับเขาโดยตรง’ พวกเขาจึงไปหานบีมูซา แต่ท่านก็กล่าวว่า ‘ฉันไม่ได้อยู่ในสถานะที่ช่วยพวกท่านได้’ แล้วท่านก็พูดถึงความผิดของท่าน (แล้วกล่าวว่า) ‘แต่พวกท่านจงไปหานบีอีซาเถิด’ พวกเขาจึงไปหานบีอีซา แต่ท่านกลับกล่าวว่า ‘ฉันไม่ได้อยู่ในสถานะที่ช่วยพวกท่านได้หรอก แต่จงไปหานบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะสัลลัม แท้จริงอัลลอฮฺได้ทางอภัยโทษให้แก่เขา ทั้งความผิดในอดีตและในอนาคต’ (ท่านนบีจึงกล่าวว่า) ดังนั้นพวกเขาจึงมาหาฉัน แล้วฉันก็ขออนุญาตต่อพระผู้อภิบาลของฉัน ซึ่งพระองค์ก็ทรงอนุญาตแก่ฉัน เมื่อฉันเห็นพระองค์ ฉันก็ก้มลงสุญูด และพระองค์ก็ปล่อยให้ฉันอยู่ในท่านั้นเป็นเวลานานตามที่พระองค์ประสงค์ จากนั้นก็มีเสียงกล่าวว่า ‘ยกศีรษะของเจ้าขึ้น ขอมาเถิดแล้วจะถูกตอบรับ จงกล่าวเถิดแล้วจะถูกรับฟัง จงขอความช่วยเหลือเถิดแล้วจะได้รับความช่วยเหลือ’ ฉันจึงยกศีรษะของตัวเองขึ้น แล้วกล่าวสรรเสริญพระผู้อภิบาลของฉันด้วยถ้อยคำที่พระองค์ทรงสอนฉัน จากนั้นฉันก็ขอความช่วยเหลือตามขอบเขตที่ฉันได้รับอนุญาต หลังจากนั้นฉันก็นำพวกเขาออกจากนรกและนำพวกเขาเข้าไปในสวนสวรรค์ แล้วฉันก็กลับมาหาพระองค์อีกครั้ง แล้วก้มลงในสภาพของผู้สุญูด โดยเป็นเช่นนั้นในครั้งที่ 3 หรือครั้งที่ 4 จนไม่เหลือใครอยู่ในนรกอีก นอกจากผู้ที่อัลกุรอานได้ระบุเอาไว้”
และเกาะตาดะฮฺเคยกล่าวไว้ตรงนี้ว่า “คือ ผู้ (ปฏิเสธศรัทธา) ที่ถูกกำหนดให้อยู่ในนรกตลอกกาล”