حَدَّثَنَا عَبْدُ اللَّهِ بْنُ يُوسُفَ قَالَ : أَخْبَرَنَا مَالِكٌ عَنْ سُمَىٍّ عَنْ أَبِي صَالِحٍ عَنْ أَبِي هُرَيْرَةَ رَضِىَ اللَّهُ عَنْهُ : أَنَّ رَسُولَ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ قَالَ { إِذَا قَالَ الإِمَامُ : سَمِعَ اللَّهُ لِمَنْ حَمِدَهُ، فَقُولُوا : اللَّهُمَّ رَبَّنَا لَكَ الْحَمْدُ، فَإِنَّهُ مَنْ وَافَقَ قَوْلُهُ قَوْلَ الْمَلاَئِكَةِ غُفِرَ لَهُ مَا تَقَدَّمَ مِنْ ذَنْبِهِ }
อับดุลลอฮฺ บินยูสุฟ ได้รายงานแก่พวกเราโดยกล่าวว่า มาลิกได้บอกเล่าแก่พวกเรา จากสุมัยยฺ จากอบูศอลิหฺ จากท่านอบูฮุร็อยเราะฮฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮฺ ว่า : ท่านเราะสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะสัลลัม ได้กล่าวว่า “เมื่ออิมามกล่าวว่า ‘สะมิอัลลอฮุ ลิมัน หะมิดะฮฺ’ (อัลลอฮฺทรงได้ยินผู้ที่สรรเสริญพระองค์) พวกท่านจงกล่าวว่า ‘อัลลอฮุมะ ร็อบบะนา ละกัล หัมดฺ’ (โอ้อัลลอฮฺ มวลการสรรเสริญเป็นของพระองค์ท่าน พระผู้อภิบาลของเรา) เพราะแท้จริงแล้วใครก็ตามที่คำกล่าวของเขาตรงกับคำกล่าวของมะลาอิกะฮฺ เขาจะได้รับการอภัยโทษในบาปที่ผ่านมา”