:: ฮีโร่จากโมร็อกโก : ยูสุฟ บินตาชฟีน และอัลมุรอบิฏูน ::
“อาณาจักรอัลโมราวิด” หรือ “รัฐอัลมุรอบิฏิยยะฮฺ” (เรียกให้ง่ายว่า “รัฐมุรอบิฏ”) คือหนึ่งในรัฐอิสลามจากแผ่นดินโมร็อกโกในอดีตที่มีคุณูปการที่ใหญ่หลวงในการช่วยเหลือชาวมุสลิมที่ถูกอธรรมและกดขี่ข่มเหงในแผ่นดินอันดะลุส
ในทางภาษา “อัลมุรอบิฏูน” หมายถึง กลุ่มคนที่พร้อมสู้ศึก และเกี่ยวข้องกับที่อยู่ของพวกเขาด้วย ซึ่งเรียกว่า “ริบาฎ” สถานที่สำหรับเตรียมฝูงม้าเพื่อทำศึกกับศัตรู และ/หรือ สถานที่พำนักของนักปฏิบัติธรรม ริบาฎของชาวมุรอบิฏูนนั้นห้อมล้อมไปด้วยป้อมปราการที่แข็งแรง
รัฐมุรอบิฏสถาปนาขึ้นในปีฮิจเราะฮฺศตวรรษที่ 5 โดยมีอำนาจอยู่นานประมาณ 93 ปี เป็นช่วงเวลาที่คิลาฟะฮฺอับบาสิยยะฮฺที่แบกแดดเริ่มอ่อนแอลง
รัฐมุรอบิฏเริ่มต้นมาจากขบวนการดะอฺวะฮฺกึ่งกองกำลังทหารที่มีสมาชิกประมาณ 1,000 คน นำโดย เชคอับดุลลอฮฺ บินยาสีร และยะหฺยา บินอิบรอฮีม อัลญุดาลีย์ และได้ขยายอาณาเขตการปกครองไปทั่วทวีปแอฟริการตะวันตกเฉียงใต้ กระทั่งถึงจุดรุ่งเรืองที่สุดในยุคของอะมีรยูสุฟ บินตาชฟีน
เราต่างทราบกันอยู่แล้วว่า ประวัติศาสตร์ของชาวมุสลิมในอันดะลุสสิ้นสุดลงด้วยความโศกเศร้า อาณาจักรอิสลามค่อย ๆ ล้มลงทีละรัฐ ๆ กระทั่งในที่สุดก็ล่มสลายไปทั้งหมดในปี ค.ศ.1492 แต่สิ่งนี้อาจจะเกิดขึ้นเร็วกว่านี้ถึง 3 ศตวรรษ หากไม่มี “ยูสุฟ บินตาชชีน” อะมีรผู้ยิ่งใหญ่ของชาวมุรอบิฏีน ฮีโร่จากโมร็อกโก
อะมีรยูสุฟได้นำทัพของเขาออกจากแผ่นดินโมร็อกโกไปญิฮาด ช่วยเหลือพี่น้องมุสลิมในอันดะลุส โดยที่ขณะนั้นเขาอายุ 80 ปีไปแล้ว มีรายงานหนึ่งระบุว่า ขณะที่ทัพเรือมุรอบิฏแล่นผ่านช่องแคบยิบรอลตาร์นั้น ได้เกิดเหตุพายุรุนแรงทำให้เรือบางลำจมลงสู่ทะเล อะมีรยูสุฟจึงได้ยกมือขอดุอาอ์ต่ออัลลอฮฺว่า
اللَّهُمَّ إِنْ كُنْتَ تَعْلَمُ فِي عُبُوْرِنَا هَذَا البَحْر خَيْرًا لَنَا وَلِلْمُسْلِمِيْنَ فَسَهَّلَ عَلَيْنَا عُبُوْرَهُ وَإِنْ كُنْتَ تَعْلَمُ غَيْرَ ذَلِكَ فَصَعَّبَهُ عَلَيْنَا حَتَّى لَا نَعْبِرَهُ”
โอ้อัลลอฮฺ หากพระองค์ทรงรู้ว่าการข้ามทะเลแห่งนี้เป็นสิ่งที่ดีสำหรับพวกเราและชาวมุสลิม ได้โปรดทำให้มันง่ายดายแก่พวกเราด้วยเถิด แต่หากพระองค์ทรงรู้ว่ามันไม่ดี ขอพระองคืทรงทำให้มันยากลำบากเถิด กระทั่งเราไม่สามารถข้ามมันไปได้
ทันใดนั้นพายุก็หายไป ทะเลสงบลง ชาวมุสลิมจึงสามารถข้ามช่องแคบยิบรอลตาร์ไปได้อย่างปลอดภัย
แล้วประวัติศาสตร์ก็จารึกสงครามครั้งใหญ่ในชื่อ “สมรภูมิซัลลาเกาะฮฺ” ระหว่างกองทัพยุโรปกับกองทัพมุรอบิฏูน นักรบมุสลิม 40,000 คน ต้องเผชิญหน้ากับทหารฝ่ายศัตรูที่มีจำนวนมากกว่าเป็น 2 เท่า
“ซัลลาเกาะฮฺ” หมายถึง ลื่นไถล เพราะมีผู้เสียชีวิตจำนวนมากจากทั้ง 2 ฝ่าย มีเลือดไหลนองอยู่ทุกที่ กระทั่งฝูงม้าลื่นไถล
กองทัพยุโรปค่อนข่างมั่นใจว่าตนจะเป็นฝ่ายชนะในสงคราม อัลฟอนโซที่ 6 แห่งเลออนและกัสติยา แม่ทัพของพวกเขาถึงกับคุยโวออกมาว่า “กองทัพนี้ของข้าพร้อมประจัญบานกับพวกภูตผี (ญิน) และมนุษย์ รวมถึงฑูตสวรรค์ทั้งหมดบนท้องฟ้าด้วย ถ้าจำเป็น”
อะมีรยูสุฟ บินตาชฟีน ได้กล่าวกับอัลฟอนโซที่ 6 ว่า “เราได้ยินมาว่า ท่านเคยพูดไว้ว่า หากมีเรือเพียงพอท่านจะข้ามไปที่โมร็อกโกเพื่อโจมตีพวกเรา ไม่จำเป็นต้องลำบากหรอก ตอนนี้เราได้มาหาท่านแล้ว เห็นได้ชัดเลยว่าพระผู้เป็นเจ้าทรงประสงค์ที่จะเห็นท่านประสบกับคำอธิษฐานของตัวเอง”
หลังจากนั้นท่านก็ได้อ่านอายะฮฺนี้
وَمَا دُعَاءُ الْكَافِرِينَ إِلَّا فِي ضَلَالٍ
และการวิงวอนของผู้ปฏิเสธศรัทธาทั้งหลายนั้น หาใช่อื่นใดเลยนอกจากอยู่ในความหลงผิด (อัรเราะอฺดฺ 13 : 14)
การต่อสู้ที่ดุเดือดและรุนแรงนี้สิ้นสุดลงโดยที่ชาวมุสลิมเป็นฝ่ายชนะ เป็นชัยชนะที่เปลี่ยนทิศทางของประวัติศาสตร์ เพราะหากมุสลิมเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ อันดะลุสคงล่มสลายลงเร็วกว่านี้แน่นอน
อะมีรยูสุฟ บินตาชฟีน ไม่ได้เป็นวีรบุรุษที่ชาวมุสลิมทั่วไปต่างชื่นชมเท่านั้น แต่บรรดาอุละมาอ์ยังยกย่องและเทิดทูนเกียรติของท่านด้วย มีรายงานระบุว่า เพราะความรู้สึกชื่นชมในตัวอะมีรยูสุฟมาก ๆ อิมามอัลเฆาะซาลีย์ (เจ้าของฉายา “หุจญะตุล อิสลาม”) ถึงกับเดินทางไปยังโมร็อกโกเพื่อพบเจอกับท่าน แต่น่าเสียดายที่เมื่อท่านถึงไปถึงเมืองอเล็กซานเดรีย (หรือ อิสกันดะริยยะฮฺ ในอียิปต์) ท่านก็รับทราบข่าวว่า ฮีโร่ที่ยิ่งใหญ่ท่านนี้ได้เสียชีวิตลงแล้ว
อะมีรยูสุฟ บินตาชฟีนนั้นเป็นคนที่มีความหนักแน่นมั่นคง, เข้มงวดกับผู้ใต้บังคับบัญชา, กล้าหาญ, ทรงอิทธิพล, ใกล้ชิดกับอุละมาอ์, คอยปกป้องคนอ่อนแอ และรักษาจิตวิญญาณแห่งการญิฮาดอยู่เสมอ ท่านใช้ชีวิตเรียบง่าย แม้จะเป็นถึงอะมีรหรือสุลต่าน แต่ท่านสวมใส่เสื้อผ้าที่ทำมาจากขนสัตว์ที่มีเนื้อหยาบและราคาถูก
ท่านเป็นคนที่อ่อนน้อมถ่อมตนและสมถะเป็นอย่างมาก ไม่ชอบให้ใครมาเรียกตัวเองว่า “อะมีรุลมุอ์มินีน” และแน่นอนว่ารวมถึงคำว่า “เคาะลีฟะฮฺ” ด้วย แม้ว่าคิลาฟะฮฺอับบาสิยยะฮฺจะอ่อนแอลงมาก แต่พวกเขาก็ยังถือสิทธิ์การเป็นเคาะลีฟะฮฺของชาวมุสลิมทั้งหมดอยู่ดี ท่านจึงถูกเรียกว่า “อะมีร” ซึ่งเป็นชื่อเรียกผู้ปกครองแคว้นหรือเจ้าเมืองเท่านั้นเอง
————————–
อ้างอิง :
1- มิอะฮฺ มิน อุเซาะมาอ์ อุมมะตุล อิสลามฯ โดย ญิฮาด อัตตุรบานีย์
2- อัลเญาฮะรุษ ษะมีน บิมะอฺริฟะติ เดาละตุล มุรอบิฏีน โดย ดร. อลี มุฮัมหมัด อัศศ็อลลาบีย์