:: การละหมาดของชาวสะลัฟ ::
เขียนโดย เชคอับดุลมะลิก อัลกอสิม
แปลโดย Zunnur
สะลัฟท่านหนึ่งกล่าวว่า “เป็นเวลานานกว่า 40 ปี ที่อะซานไม่ได้ถูกประกาศขึ้น เว้นแต่สะอีด บินอัลมุสัยยิบ จะอยู่ที่มัสญิดก่อนหน้านั้นแล้ว” (เฏาะบะกอต อัลหะนะบีละฮฺ เล่มที่ 1 หน้าที่ 141, หิลยะตุล เอาลิยาอ์ เล่มที่ 2 หน้าที่ 163 และศิฟะตุศ ศ็อฟวะฮฺ เล่มที่ 2 หน้าที่ 80)
เมื่อท่านอุมัร บินอัลค็อฏฏ็อบเป็นลมล้มลงเมื่อถูกแทง อัลมุสวัร บินมัคเราะมะฮฺ ได้กล่าวว่า “ไม่มีสิ่งใดปลุกท่านให้ตื่นขึ้นมาได้ นอกจากเสียงอะซาน” เมื่อพวกเขากล่าวว่า “การละหมาดสิ้นสุดลงแล้วครับ ท่านอมีรุลมุอ์มินีน” ท่านอุมัรก็ลุกขึ้นและกล่าวว่า “จงละหมาดเถิด ขอสาบานต่ออัลลอฮ แท้จริงไม่มีส่วนแบ่งในอิสลามสำหรับผู้ที่ทิ้งการละหมาด” อัลมุสวัรเล่าว่า “ท่านอุมัรละหมาด ในขณะที่เลือดยังไหลออกมาจากแผลที่ถูกแทง” (ศิฟะตุศ ศ็อฟวะฮฺ เล่มที่ 2 หน้าที่ 131 และสิยัร อะอฺลามิน นุบะลาอ์ เล่มที่ 5 หน้าที่ 220)
หลังจากที่อัรเราะบีอฺ บินค็อยษัม เป็นอัมพาต เขาก็ยังคงไปละหมาดที่มัสญิดด้วยการช่วยเหลือของชาย 2 คน มีคนพูดกับเขาว่า “โอ้อบูยะซีด ท่านได้รับข้อผ่อนปรนในการที่จะละหมาดที่บ้านของตัวท่านเองน่ะครับ” อัรเราะบีอฺตอบว่า “แต่ฉันได้ยินคำเรียกขานว่า “หัยยะ อะลัล ฟะลาหฺ” (จงมาสู่ชัยชนะเถิด) และฉันคิดว่า ใครที่ได้ยินสิ่งนี้ เขาจะต้องตอบรับมัน แม้ว่าจะด้วยการคลานไปก็ตาม” (หิลยะตุล เอาลิยาอ์ เล่มที่ 2 หน้าที่ 113)
ท่านอลี บินหาติม เราะฎิยัลลอฮุอันฮฺ กล่าวว่า “ทุกครั้งที่เวลาละหมาดมาถึง มันมาหาฉัน ขณะที่ฉันต้องการทำมัน และฉันพร้อมที่จะทำมัน” (อัซซุฮดฺ โดยอิมามอะหฺมัด หน้าที่ 249)
ท่านอบูบักรฺ บินอับดุลลอฮ อัลมุซะนีย์ กล่าวว่า “ใครเล่าจะเหมือนกับเจ้า โอ้ลูกหลานอาดัม เมื่อเจ้าคาดหวังในสิ่งหนึ่ง ก็จงอาบน้ำละหมาดเถิด และจงไปยังสถานที่ละหมาด และจงรู้สึกถึงการมาของพระผู้อภิบาลของเจ้า โดยไม่มีผู้สื่อสาร (คนกลาง) หรือสิ่งกีดขวางใด ๆ ระหว่างเจ้ากับพระองค์” (อัลบิดายะฮฺ วันนิฮายะฮฺ เล่มที่ 9 หน้าที่ 256)
อบุลอาลิยะฮฺกล่าวว่า “ฉันจะเดินทางออกไปเพื่อพบเจอกับใครคนหนึ่ง และสิ่งแรกที่ฉันจะมองหาจากเขา ก็คือการละหมาด หากเขายืนละหมาดอย่างสมบูรณ์และตรงต่อเวลา ฉันก็จะอยู่ร่วมกับเขา และรับเอาความรู้จากเขา แต่ถ้าฉันพบว่าเขาไม่ใส่ใจต่อการละหมาด ฉันก็จะทิ้งเขาไป และฉันจะกล่าวกับตัวเองว่า แน่นอนว่าอื่นจากนั้น (การละหมาด) เขาก็ไม่ใส่ใจด้วยเช่นกัน”
สะลัฟท่านหนึ่งเล่าว่า เมื่อท่านอลี บินหุสัยนฺ ได้อาบน้ำละหมาดอย่างสมบูรณ์แล้ว ใบหน้าของท่านก็เปลี่ยนไป ครอบครัวของท่านจึงถามว่าเกิดอะไรขึ้น? ท่านตอบว่า “พวกท่านรู้หรือไม่ว่า ฉันจะได้พบเจอกับใครหลังจากนี้?” (หมายถึง ท่านกำลังจะไปเข้าเฝ้าอัลลอฮฺในการละหมาด)
ท่านยะซีด บินอับดุลลอฮ ถูกถามว่า “หากเราต่อเติม (ซ่อมแซม) หลังคามัสญิดแห่งนี้จะดีไหม?” ท่านตอบว่า “จงทำให้หัวใจของท่านบริสุทธิ์เถิด แล้วมัสญิดของท่านจะพอเพียงสำหรับท่าน” (หิลยะตุล เอาลิยาอ์ เล่มที่ 2 หน้าที่ 312)
ท่านอะดีย์ บินหาติม เราะฎิยัลลอฮุอันฮฺ ได้กล่าวว่า “ตั้งแต่ฉันเป็นมุสลิม ฉันมักจะตรวจสอบตัวเองอยู่เสมอว่า เมื่อเสียงอะซานถูกประกาศขึ้น ฉันอาบน้ำละหมาดเรียบร้อยแล้วหรือยัง” (สิยัร อะอฺลามิน นุบะลาอ์ เล่มที่ 3 หน้าที่ 160)
ท่านอุบัยดฺ บินญะอฺฟัร กล่าวว่า “ฉันไม่เคยเห็นบิชรฺ บินมันศูร ลุงของฉัน ไม่ทันตักบีรแรก (ตักบีเราะตุลอิหฺรอม) เลย…” (ศิฟะตุศ ศ็อฟวะฮฺ เล่มที่ 3 หน้าที่ 376)
ท่านอิบนุสะมาอะฮฺ กล่าวว่า “ตลอดระยะเวลา 40 ปีที่ผ่านมา ฉันไม่ทันตักบีรแรก (ของละหมาด) เพียงครั้งเดียวเท่านั้น คือตอนที่แม่ของฉันเสียชีวิต” (สิยัร อะอฺลามิน นุบะลาอ์ เล่มที่ 10 หน้าที่ 646)
ชาวสะลัฟท่านหนึ่งกล่าวว่า “เมื่อท่านรู้ว่า คน ๆ หนึ่งดูแคลนการ (มาละหมาดให้ทัน) ตักบีรแรก ท่านจงชำระตนให้บริสุทธิ์จากเขาเถิด (คือ ออกห่างไกลจากเขาเถิด)” (สิยัร อะอฺลามิน นุบะลาอ์ เล่มที่ 5 หน้าที่ 65 และศิฟะตุศ ศ็อฟวะฮฺ เล่มที่ 3 หน้าที่ 88)
ท่านสุฟยาน บินอุยัยนะฮฺ กล่าวว่า “ส่วนหนึ่งของการให้เกียรติการละหมาด คือการมาก่อนที่อิกอมะฮฺจะถูกประกาศขึ้น” (ศิฟะตุศ ศ็อฟวะฮฺ เล่มที่ 2 หน้าที่235)
ครั้งหนึ่ง ท่านมัยมูน บินมิฮฺรอน มามัสญิดสาย เมื่อผู้คนบอกท่านว่า พวกเขาละหมาดเสร็จแล้ว ท่านมัยมูนก็กล่าวขึ้นว่า “อินนา ลิลลาฮิ วะ อินนา อิลัยฮิ รอญิฮุน (แท้จริงเราเป็นกรรมสิทธิ์ของอัลลอฮ และแท้จริงเราจะกลับไปยังพระองค์) ฉันชอบที่จะมาละหมาด (ให้ทัน) ญะมาอะฮฺ มากกว่าการเป็นผู้ปกครองเมืองอิรักเสียอีก!” (มุกาชะฟะตุล กุลูบ หน้าที่ 364)
ท่านยูนุส บินอับดุลลอฮ ได้กล่าวว่า “มีสิ่งใดเกิดขึ้นกับฉันหรือ? เมื่อไก่ของฉันหายไป ฉันก็รู้สึกกระวนกระวาย แต่เมื่อฉันละหมาดญะมาอะฮฺสาย ฉันกลับไม่รู้สึกเสียใจเลย!” (หิลยะตุล เอาลิยาอ์ เล่มที่ 3 หน้าที่ 19)
ท่านอุมัรได้กล่าวไว้ขณะยืนอยู่บนมิมบัรว่า “ผู้ศรัทธาที่มีเส้นผมสีขาวในอิสลาม (เนื่องจากเข้ารับอิสลามนานแล้ว) บางคนยังไม่ได้ทำอิบาดะฮฺต่ออัลลอฮ ผู้ทรงยิ่งใหญ่ อย่างสมบูรณ์!” ท่านจึงถูกถามว่า “ทำไมถึงเป็นอย่างนั้นละครับ?” ท่านตอบว่า “เพราะเขาไม่ได้ละหมาดอย่างสมบูรณ์ เพราะการละหมาดนั้นจำเป็นจะต้องมีความสงบ (คุชูอฺ) ความมุ่งมั่น และการถวายหัวใจให้กับอัลลอฮ” (อิหฺยาอ์ อุลูมิดดีน เล่มที่ 10 หน้าที่ 202)
ท่านหัมมาด บินสะละมะฮฺ กล่าวว่า “ฉันไม่เคยเลยที่จะยืนละหมาด โดยมิได้จินตนาการว่า นรกญะฮันนัมกำลังอยู่ต่อหน้าฉัน” (ตัซกิเราะตุล หุฟฟาซ เล่มที่ 1 หน้าที่ 219)
ท่านมุอ๊าซ บินญะบัล เราะฎิยัลลอฮุอันฮฺ ได้ตักเตือนลูกของท่านว่า “โอ้ลูกเอ๋ย จงละหมาดเหมือนกับการละหมาดของคนที่กำลังจะจากไป และจงคิดว่าลูกจะไม่ได้ละหมาดอีกเลย และจงรู้ไว้เถิดว่า มุสลิมนั้นจะต้องตายลงระหว่างความดีงาม 2 ประการ ความดีงามแรกคือขณะกำลังทำมัน และความดีงามที่สอง คือขณะมีเจตนาที่จะทำมัน” (ศิฟะตุศ ศ็อฟวะฮฺ เล่มที่ 1 หน้าที่ 496)
ท่านบักรฺ อัลมุซะนีย์ ได้กล่าวว่า “หากท่านต้องการให้การละหมาดมีประโยชน์กับตนเอง ก็จงกล่าวกับตนเองเถิดว่า ฉันจะไม่มีโอกาสได้ละหมาดอีกต่อไปแล้ว” (ญามิอุล อุลูม วัลหิกัม หน้าที่ 466)
ศุบรูมะฮฺได้กล่าวว่า “ฉันเป็นเพื่อนร่วมทางของกัรซฺ อัลหาริษีย์ เมื่อเขาต้องการตั้งเต้นท์ (เพื่อพักผ่อน) ที่เมืองหนึ่ง เขาก็จะตรวจสอบมันอย่างรอบคอบ และเมื่อเขาพบพื้นที่ที่เขาชอบแล้ว เขาก็จะไปที่นั่นแล้วก็ละหมาด จนกระทั่งถึงเวลาที่ต้องจากที่นั่นไป” (ศิฟะตุศ ศ็อฟวะฮฺ เล่มที่ 3 หน้าที่ 120)
อัลกอสิม บินมุฮัมหมัด กล่าวว่า “วันหนึ่งฉันออกเดินทางในเวลาเช้า ฉันได้พบกับท่านหญิงอาอิชะฮฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮฺ (ป้าของฉันเอง) และได้ทักทายท่าน ครั้งหนึ่ง ฉันพบว่าท่านกำลังละหมาดฎุฮา ท่านอ่านอายะฮฺนี้หลายรอบพร้อมกับร้องไห้ และวิงวอนขอต่ออัลลอฮ คืออายะฮฺที่ว่า
فَمَنَّ اللَّهُ عَلَيْنَا وَوَقَانَا عَذَابَ السَّمُومِ
“ดังนั้น อัลลอฮฺได้ทรงโปรดปรานแก่พวกเรา และได้ทรงปกป้องเราให้พ้นจากการลงโทษแห่งลมร้อน” (อัฏ-ฏูร 52 : 27)
ฉันยืนนิ่งอยู่นานจนกระทั่งฉันเริ่มรู้สึกเบื่อหน่าย ฉันจึงจากท่านไป และฉันได้ไปที่ตลาดเพื่อทำธุระบางอย่าง และฉันก็ได้กล่าวกับตัวเองว่า “เมื่อฉันทำสิ่งนี้เสร็จแล้ว ฉันจะกลับไป (หาท่านหญิงอาอิชะฮฺ) อีกครั้ง” เมื่อฉันกลับไป ฉันก็พบท่านหญิงอาอิชะฮฺกำลังยืนละหมาด และท่านยังอ่านอายะฮฺเดิม พร้อมกับร้องไห้และวิงวอนขอต่ออัลลอฮ” (อิหฺยาอ์ อุลูมิดดีน เล่มที่ 4 หน้าที่ 436)
ท่านมัยมูน บินหัยยาน กล่าวว่า “ฉันไม่เคยเห็นมุสลิม บินยะสาร ขยับศีรษะเลยขณะกำลังละหมาด ทั้งในการละหมาดที่สั้นและยาว แล้วครั้งหนึ่ง ส่วนหนึ่งของมัสญิดเกิดพังถล่มลงมา เสียงถล่มดังลั่นจนทำให้ผู้คนหวาดกลัว แต่เขากลับไม่ได้รู้สึกอะไรเลย แม้แท้ศีรษะเขาก็ยังไม่ขยับเลย และเขายังคงละหมาดอยู่อย่างนั้นต่อไป” (อัซซุฮดฺ โดยอิมามอะหฺมัด หน้าที่ 359)
ชาวสะลัฟท่านหนึ่งได้กล่าวว่า “ฉันเป็นเพื่อนกับอะฏออ์ บินเราะบาหฺ นาน 8 ปี เมื่อเขาแก่ชรา เขาเคยยืนละหมาดและอ่านกุรอานประมาณ 200 อายะฮฺจากสูเราะฮฺอัลบะเกาะเราะฮฺ ด้วยการยืนที่มั่นคงและแข็งแรง จนไม่เห็นว่ามีอวัยวะใด ๆ ของร่างกายของเขาที่ขยับเลยแม้แต่น้อย” (สิยัร อะอฺลามิน นุบะลาอ์ เล่มที่ 5 หน้าที่ 87 และศิฟะตุศ ศ็อฟวะฮฺ เล่มที่ 2 หน้าที่ 213)
ท่านอบูบักรฺ บินอิยาศ กล่าวว่า “เมื่อท่านมองไปยังหะบีบ บินอบูษาบิต ขณะกำลังสูญูด ท่านจะคิดว่าเขาได้เสียชีวิตแล้ว เนื่องจากการสุญูดที่ยาวนานของเขา” (สิยัร อะอฺลามิน นุบะลาอ์ เล่มที่ 5 หน้าที่ 291)
ท่านอลี บินอัลฟุฎ็อยลฺ กล่าวว่า “ฉันเคยเห็นอัษเษารีย์ สุญูดในการละหมาด โดยที่ฉันได้ทำการเฏาะวาฟรอบกะอฺบะฮฺจำนวน 7 รอบ (และพบว่า) เขาพึ่งยกศีรษะจากการสุญูด” (สิยัร อะอฺลามิน นุบะลาอ์ เล่มที่ 7 หน้าที่ 277)
เมื่อหาติม อัลอะศ็อม ถูกถามเกี่ยวกับการละหมาด ท่านได้กล่าวว่า “เมื่อเวลาละหมาดใกล้เข้ามา ฉันก็จะอาบน้ำละหมาดอย่างสมบูรณ์ และไปยังที่ที่ฉันจะทำการละหมาด (มัสญิด) แล้วฉันก็ยืนขึ้นและละหมาด ฉันจินตนาการว่ากะอฺบะฮฺกำลังอยู่หน้าหน้าฉัน สวรรค์อยู่ด้านขวาของฉัน นรกอยู่ด้านซ้ายของฉัน และมลาอิกะฮฺแห่งความตายกำลังยืนอยู่ข้างหลังฉัน ฉันคิดว่านั่นคือการละหมาดครั้งสุดท้ายของฉัน ฉันยืนด้วยความหวังที่เปี่ยมล้น (ต่อสวนสวรรค์) และหวั่นกลัวอย่างมาก (ต่อไฟนรก) และฉันก็กล่าวตักบีรด้วยเจตนาที่สัจจริงและบริสุทธิ์ใจ ฉันอ่านอัลกุรอานอย่างช้าๆ ฉันรุกูอฺด้วยความน้อบน้อม แล้วฉันก็สุญูดอย่างสงบ ฉันนั่งลงบนขาข้างซ้าย โดยเท้าซ้ายของฉันแนบกับพื้นดิน ส่วนเท้าขวานั้นตั้งตรง และฉันละหมาดด้วยความบริสุทธิ์ใจ แต่หลังจากนั้น ฉันไม่รู้เลยว่าละหมาดของฉันถูกตอบรับหรือไม่” (อิหฺยาอ์ อุลูมิดดีน เล่มที่ 1 หน้าที่ 179)
สะลัฟท่านหนึ่งได้กล่าวว่า “โอ้ลูกหลานอาดัม ถ้าท่านต้องการส่วนหนึ่งของชีวิตนี้ ท่านก็ต้องการมากกว่าสำหรับวันพรุ่งนี้ (อาคิเราะฮฺ) หากท่านรักษาส่วนหนึ่งในชีวิตนี้ ท่านก็จะสูญเสียส่วนของท่านในวันพรุ่งนี้ และท่านจะถูกห้อมล้อมไปด้วยการสูญเสียส่วนหนึ่งในชีวิตของท่านอีกครั้ง แต่หากท่านรักษาส่วนของท่านสำหรับวันพรุ่งนี้ ท่านก็จะได้รับและมีชัยชนะในทุก ๆ ส่วนของชีวิตนี้อย่างง่ายดาย” (ฟาฎออิลุซ ซิกรฺ โดย อิบนุลเญาซีย์ หน้าที่ 19)