:: เบื้องหลังดุอาอ์อิฟติตาหฺ ::
ในหะดีษบทหนึ่งที่บันทึกโดยมุสลิม ท่านอับดุลลอฮฺ บินอุมัร ขออัลลอฮฺพอพระทัยท่าน ได้เล่าเรื่องราวของเศาะหาบะฮฺท่านหนึ่งที่กล่าวบทซิกรฺเสียงดังในการละหมาด
เมื่อละหมาดเสร็จแล้ว ท่านเราะสูลุลลอฮฺ ก็ถามว่าใครเป็นคนกล่าวซิกรฺเสียงดังจนผู้อื่นได้ยิน บทซิกรฺที่เศาะหาบะฮฺท่านนี้กล่าวก็คือ
اللهُ أَكْبَرُ كَبِيرًا وَالْحَمْدُ لِلَّهِ كَثِيرًا وَسُبْحَانَ اللهِ بُكْرَةً وَأَصِيلًا
อัลลอฮฺผู้ทรงยิ่งใหญ่ที่สุด และการสรรเสริญที่มากมายเป็นเอกสิทธิ์ของพระองค์ และมหาบริสุทธิ์ยิ่งแด่อัลลอฮฺ ทั้งในยามเช้าและยามเย็น
ตอนแรกเศาะหาบะฮฺท่านนี้นิ่งเงียบไม่ยอมพูดอะไร เพราะเกรงว่าตนเองจะทำผิดในการละหมาด แต่สุดท้ายท่านก็ยอมรับว่าเป็นท่านเอง ท่านเราะสูลุลลอฮฺจึงกล่าวว่า
عَجِبْتُ لَهَا فُتِحَتْ لَهَا أَبْوَابُ السَّمَاءِ
ฉันแปลกใจมากกับบทซิกรฺดังกล่าว เพราะประตูทั้งหลายของชั้นฟ้าถูกเปิดออกเพราะมัน (บันทึกโดย มุสลิม)
เมื่อได้ยินดังนั้น ท่านอับดุลลอฮฺ บินอุมัร ก็ตั้งใจแน่วแน่ว่านับจากนี้ไปท่านจะไม่ทิ้งการอ่านบทซิกรฺนั้นเด็ดขาด แล้วท่านก็ยึดมั่นอย่างจริงจังกับสุนนะฮฺนี้ของท่านเราะสูลุลลอฮฺ
อิมามมุสลิมได้รวบรวมหะดีษนี้ไว้ในบทรวบรวมสำนวนซิกรุลลอฮฺที่สามารถอ่านได้ในช่วงต้นของการละหมาด (หลังกล่าวตักบีรแรกเพื่อเข้าสู่การละหมาด หรือที่เรียกว่า “ตักบีเราะตุล อิหฺรอม”) ปรากฏว่า มีบทซิกรฺอื่น ๆ อีกที่ส่งเสริมให้อ่าน ในฐานะเป็นดุอาอ์อิฟติตาหฺ (ดุอาอ์หรือบทซิกรฺเปิดการละหมาด) ดังที่อิมามมุสลิมได้รายงานเอาไว้
ดุอาอ์อิฟติตาหฺนี้เปรียบเสมือนการเปิดบทสนทนาระหว่างบ่าวกับพระผู้เป็นพระเจ้า กระทั่งประตูแห่งชั้นฟ้าถูกเปิดกว้างเพื่อต้อนรับบ่าวที่เข้าเฝ้าพระผู้เป็นเจ้า