หะดีษเลขที่ 5
คำกล่าวของท่านอุมัรต่อคำพูดของอุมมุสะละมะฮฺ
حَدَّثَنَا سُلَيْمَانُ بْنُ حَرْبٍ حَدَّثَنَا حَمَّادُ بْنُ زَيْدٍ عَنْ يَحْيَى بْنِ سَعِيدٍ عَنْ عُبَيْدِ بْنِ حُنَيْنٍ عَنْ ابْنِ عَبَّاسٍ رَضِيَ اللَّهُ عَنْهُمَا قَالَ :لَبِثْتُ سَنَةً وَأَنَا أُرِيدُ أَنْ أَسْأَلَ عُمَرَ عَنْ الْمَرْأَتَيْنِ اللَّتَيْنِ تَظَاهَرَتَا عَلَى النَّبِيِّ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ فَجَعَلْتُ أَهَابُهُ، فَنَزَلَ يَوْمًا مَنْزِلًا فَدَخَلَ الْأَرَاكَ فَلَمَّا خَرَجَ سَأَلْتُهُ، فَقَالَ : عَائِشَةُ وَحَفْصَةُ، ثُمَّ قَالَ :كُنَّا فِي الْجَاهِلِيَّةِ لَا نَعُدُّ النِّسَاءَ شَيْئًا، فَلَمَّا جَاءَ الْإِسْلَامُ وَذَكَرَهُنَّ اللَّهُ رَأَيْنَا لَهُنَّ بِذَلِكَ عَلَيْنَا حَقًّا مِنْ غَيْرِ أَنْ نُدْخِلَهُنَّ فِي شَيْءٍ مِنْ أُمُورِنَا، وَكَانَ بَيْنِي وَبَيْنَ امْرَأَتِي كَلَامٌ، فَأَغْلَظَتْ لِي فَقُلْتُ لَهَا : وَإِنَّكِ لَهُنَاكِ، قَالَتْ : تَقُولُ هَذَا لِي وَابْنَتُكَ تُؤْذِي النَّبِيَّ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ،فَأَتَيْتُ حَفْصَةَ فَقُلْتُ لَهَا : إِنِّي أُحَذِّرُكِ أَنْ تَعْصِي اللَّهَ وَرَسُولَهُ، وَتَقَدَّمْتُ إِلَيْهَا فِي أَذَاهُ، فَأَتَيْتُ أُمَّ سَلَمَةَ فَقُلْتُ لَهَا، فَقَالَتْ : أَعْجَبُ مِنْكَ يَا عُمَرُ، قَدْ دَخَلْتَ فِي أُمُورِنَا فَلَمْ يَبْقَ إِلَّا أَنْ تَدْخُلَ بَيْنَ رَسُولِ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ وَأَزْوَاجِهِ؟ فَرَدَّدَتْ،وَكَانَ رَجُلٌ مِنْ الْأَنْصَارِ إِذَا غَابَ عَنْ رَسُولِ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ وَشَهِدْتُهُ أَتَيْتُهُ بِمَا يَكُونُ، وَإِذَا غِبْتُ عَنْ رَسُولِ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ وَشَهِدَ أَتَانِي بِمَا يَكُونُ مِنْ رَسُولِ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ،وَكَانَ مَنْ حَوْلَ رَسُولِ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ قَدْ اسْتَقَامَ لَهُ، فَلَمْ يَبْقَ إِلَّا مَلِكُ غَسَّانَ بِالشَّامِ، كُنَّا نَخَافُ أَنْ يَأْتِيَنَا فَمَا شَعَرْتُ إِلَّا بِالْأَنْصَارِيِّ وَهُوَ يَقُولُ : إِنَّهُ قَدْ حَدَثَ أَمْرٌ، قُلْتُ لَهُ : وَمَا هُوَ أَجَاءَ الْغَسَّانِيُّ؟ قَالَ : أَعْظَمُ مِنْ ذَاكَ، طَلَّقَ رَسُولُ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ نِسَاءَهُ، فَجِئْتُ فَإِذَا الْبُكَاءُ مِنْ حُجَرِهِنَّ كُلِّهَا،وَإِذَا النَّبِيُّ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ قَدْ صَعِدَ فِي مَشْرُبَةٍ لَهُ، وَعَلَى بَابِ الْمَشْرُبَةِ وَصِيفٌ، فَأَتَيْتُهُ فَقُلْتُ : اسْتَأْذِنْ لِي، فَأَذِنَ لِي فَدَخَلْتُ، فَإِذَا النَّبِيُّ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ عَلَى حَصِيرٍ قَدْ أَثَّرَ فِي جَنْبِهِ وَتَحْتَ رَأْسِهِ مِرْفَقَةٌ مِنْ أَدَمٍ حَشْوُهَا لِيفٌ، وَإِذَا أُهُبٌ مُعَلَّقَةٌ وَقَرَظٌ، فَذَكَرْتُ الَّذِي قُلْتُ لِحَفْصَةَ وَأُمِّ سَلَمَةَ، وَالَّذِي رَدَّتْ عَلَيَّ أُمُّ سَلَمَةَ، فَضَحِكَ رَسُولُ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ، فَلَبِثَ تِسْعًا وَعِشْرِينَ لَيْلَةً ثُمَّ نَزَلَ
สุลัยมาน บินหัรบฺ ได้รายงานแก่พวกเราว่า ฮัมมาด บินซัยดฺ ได้รายงานแก่พวกเรา จากยะหฺยา บินสะอีด จากอุบัยดฺ บินหุนัยนฺ จากท่านอิบนุอับบาส เราะฎิยัลลอฮุอันฮฺ กล่าวว่า :เป็นเวลาหนึ่งแล้วที่ฉันอยากจะถามท่านอุมัร (บิน อัลค็อฏฏ็อบ) เกี่ยวกับภรรยา 2 คน (ของท่านนบี) ที่ได้แสดงการต่อต้านต่อท่านนบี ขอพรและความศานติจงมีแด่ท่าน แต่ฉันก็รู้สึกละอายใจต่อท่าน วันหนึ่งท่านอุมัรแวะพักในที่หนึ่ง แล้วท่านก็เข้าไปในพุ่มไม้ (เพื่อทำธุระส่วนตัว) เมื่อท่านออกมา ฉันก็ได้ถามท่าน แล้วท่านก็ตอบว่า “(พวกเธอ) คืออาอิชะฮฺและหัฟเศาะฮฺ” จากนั้นท่านก็เล่าว่า :เราเคยอยู่ในยุคญาฮิลิยยะฮฺ โดยที่เราไม่ได้ให้สิทธิอะไรเลยแก่ผู้หญิง เมื่ออิสลามมาถึงอัลลอฮฺก็ได้กล่าวถึงพวกเธอ เราจึงได้เห็นสิทธิของพวกเธอเหนือพวกเรา โดยที่เรามิได้ให้พวกเธอเข้ามายุ่งเกี่ยวใด ๆ กับกิจการงานของเรา วันหนึ่งเกิดปัญหาบางอย่างระหว่างฉันกับภรรยาของฉัน แล้วเธอก็แสดงท่าทีแข็งขืนต่อฉัน ฉันจึงกล่าวกับเธอว่า “เธอควรไปอยู่ตรงนู้น (คือ อย่ามายุ่งเรื่องของฉัน)” เธอก็ตอบว่า “ท่านพูดกับฉันอย่างนี้ แต่ลูกของท่านกำลังทำร้ายจิตใจของท่านนบี ขอพรและความศานติจงมีแด่ท่าน”ฉันจึงไปหาหัฟเศาะฮฺและพูดกับเธอว่า “พ่อขอตักเตือนลูกเรื่องที่ลูกฝ่าฝืนอัลลอฮฺและเราะสูลของพระองค์” ฉันเตือนเธอเรื่องการทำร้ายจิตใจของท่านนบี จากนั้นฉันก็ไปหาอุมมุสะละมะฮฺและพูด (เตือน) กับเธอด้วย เธอก็กล่าวว่า “ฉันแปลกใจกับท่านจริง ๆ โอ้อุมัร ท่านเข้ามายุ่งเรื่องของพวกเรา แม้กระทั่งเรื่องภายในครอบครัวระหว่างท่านเราะสูลุลลอฮฺและบรรดาภรรยาของท่าน” เธอโต้ตอบกลับมามีชายคนหนึ่งในหมู่ชาวอันศอร เมื่อไหร่ที่เขาไม่ได้อยู่ชุมนุมกับท่านเราะสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะสัลลัม แต่ฉันอยู่ ฉันก็จะไปหาเขาพร้อมกับบอกเล่าถึงสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ถ้าฉันไม่อยู่กับท่านเราะสูลุลลอฮฺ และเขาอยู่กับท่าน เขาก็จะมาหาฉันพร้อมกับบอกเล่าสิ่งที่เขาได้รับมาจากท่านเราะสูลุลลอฮฺ ขอพรและความศานติจงมีแด่ท่านวันหนึ่งขณะที่ผู้ที่อยู่รอบตัวท่านเราะสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะสัลลัม กำลังเฝ้าคุ้มครองท่านจากการโจมตีของกษัตริย์ฆ็อซซานแห่งแผ่นดินชาม เราเกรงว่าเขาจะโจมตีเราโดยไม่รู้ตัว แต่แล้วชายอันศอรคนนั้นก็มาหาแล้วกล่าวว่า “มีเรื่องสำคัญเกิดขึ้น!” ฉันถามเขาว่า “คืออะไร? กองทัพของกษัตริย์ฆ็อสสานมาแล้วหรือ?” เขาตอบว่า “เรื่องใหญ่กว่านั้น! ท่านเราะสูลุลลอฮฺ ขอพรและความศานติจงมีแด่ท่าน หย่าร้างกับบรรดาภรรยาของท่านแล้ว” ฉันจึงมาหาและได้ยินเสียงร้องไห้จากห้องของพวกท่าน (ภรรยานบี) ทุกคนตอนนั้นท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะสัลลัม กำลังนั่งอยู่ในที่ที่ต้องขึ้นบันไดไป (คือ ชั้นบนของบ้าน) โดยมีคนรับใช้ของท่านอยู่หน้าพื้นที่นั้น ฉันได้เข้าไปหาท่านและกล่าวว่า “โปรดอนุญาตให้ผมด้วยครับ” เมื่อท่านอนุญาต ฉันก็เข้าไป แล้วฉันก็ได้เห็นท่านนบี ขอพรและความศานติจงมีแด่ท่าน กำลังนั่งอยู่บนเสื่อ โดยมีร่องรอย (ของเสื่อ) บนหลังของท่าน และใต้ศรีษะของท่านมีหมอนที่ทำจากหนังที่ฟอกแล้ว แล้วก็มีหนังที่กำลังฟอกใหม่แขวนอยู่ด้วย ฉันพูดถึงสิ่งที่กล่าวไปกับหัฟเศาะฮฺและอุมมุสะละมะฮฺ และคำพูดที่อุมมุสะละมะฮฺตอบกลับมา แล้วท่านเราะสูลุลลอฮฺก็หัวเราะ ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะสัลลัม ท่านอยู่ตรงนั้น 29 วัน จากนั้นท่านก็ลงมา(บันทึกโดยอัลบุคอรีย์ หะดีษเลขที่ 5843)
สถานะหะดีษ : เศาะฮีหฺ