หะดีษเลขที่ 9
ท่านนบียิ้มเมื่อละหมาดญะนาซะฮฺให้กับอับดุลลอฮฺ บินอุบัย บินสะลูล (หัวหน้ามุนาฟิก)
حَدَّثَنَا يَحْيَى بْنُ بُكَيْرٍ حَدَّثَنِي اللَّيْثُ عَنْ عُقَيْلٍ عَنْ ابْنِ شِهَابٍ عَنْ عُبَيْدِ اللَّهِ بْنِ عَبْدِ اللَّهِ عَنْ ابْنِ عَبَّاسٍ عَنْ عُمَرَ بْنِ الْخَطَّابِ رَضِيَ اللَّهُ عَنْهُمْ أَنَّهُ قَالَ :لَمَّا مَاتَ عَبْدُ اللَّهِ بْنُ أُبَيٍّ ابْنُ سَلُولَ دُعِيَ لَهُ رَسُولُ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ لِيُصَلِّيَ عَلَيْهِ، فَلَمَّا قَامَ رَسُولُ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ وَثَبْتُ إِلَيْهِ فَقُلْتُ : يَا رَسُولَ اللَّهِ أَتُصَلِّي عَلَى ابْنِ أُبَيٍّ وَقَدْ قَالَ يَوْمَ كَذَا وَكَذَا كَذَا وَكَذَا؟، أُعَدِّدُ عَلَيْهِ قَوْلَهُفَتَبَسَّمَ رَسُولُ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ وَقَالَ { أَخِّرْ عَنِّي يَا عُمَرُ } فَلَمَّا أَكْثَرْتُ عَلَيْهِ قَالَ { إِنِّي خُيِّرْتُ فَاخْتَرْتُ، لَوْ أَعْلَمُ أَنِّي إِنْ زِدْتُ عَلَى السَّبْعِينَ يُغْفَرُ لَهُ لَزِدْتُ عَلَيْهَا } قَالَ : فَصَلَّى عَلَيْهِ رَسُولُ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ ثُمَّ انْصَرَفَ، فَلَمْ يَمْكُثْ إِلَّا يَسِيرًا حَتَّى نَزَلَتْ الْآيَتَانِ مِنْ بَرَاءَةٌ { وَلَا تُصَلِّ عَلَى أَحَدٍ مِنْهُمْ مَاتَ أَبَدًا... } إِلَى قَوْلِهِ { ...وَهُمْ فَاسِقُونَ } قَالَ : فَعَجِبْتُ بَعْدُ مِنْ جُرْأَتِي عَلَى رَسُولِ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ يَوْمَئِذٍ وَاللَّهُ وَرَسُولُهُ أَعْلَمُ
ยะหฺยา บินบุกัยรฺ ได้รายงานแก่พวกเราว่า อัลลัยษฺได้รายงานแก่พวกเรา จากอุก็อยลฺ จากอิบนุชิฮาบ จากอุบัยดิลลาฮฺ บินอับดุลลอฮฺ จากท่านอิบนุอับบาส จากท่านอุมัร บินอัลค็อฏฏ็อบ เราะฎิยัลลอฮุอันฮฺ ท่านได้กล่าวว่า :เมื่ออับดุลลอฮฺ บินอุบัย บินสะลูล ตาย ท่านเราะสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะสัลลัม ก็ได้รับเชิญให้ไปละหมาด (ญะนาซะฮฺ) ให้กับเขา และขณะที่ท่านเราะสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะสัลลัม กำลังยืนอยู่นั้น ฉันก็ได้เข้าไปใกล้ ๆ ท่าน แล้วกล่าวว่า “ท่านเราะสูลุลลอฮฺครับ ท่านจะละหมาดให้อิบนุอุบัยหรือครับ ทั้ง ๆ ที่เขาเคยกล่าวไว้ในวันนั้นและวันนี้ ว่าอย่างนั้นและอย่างนี้?” ฉันทวนคำพูดของเขาให้ท่านนบีฟังท่านเราะสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะสัลลัม ยิ้มและกล่าวว่า “พอได้แล้ว อุมัร!” เมื่อฉันพูดต่ออีก ท่านก็กล่าวว่า “ฉันถูกเสนอให้เลือกและฉันเลือกแล้ว หากฉันรู้ว่าถ้าฉันเพิ่มการขออภัยโทษให้กับเขามากกว่า 70 ครั้งแล้วเขาจะได้รับการอภัยโทษ ฉันก็จะเพิ่มให้กับเขา”ท่านอุมัรเล่าต่อว่า : แล้วท่านเราะสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะสัลลัม ก็ละหมาดให้กับอิบนุอุบัยจนเสร็จสิ้น แต่หลังจากนั้นไม่นาน ท่านก็นิ่งเงียบสักครู่หนึ่ง กระทั่ง 2 อายะฮฺของสูเราะฮฺบะรออะฮฺ (คือ อัตเตาบะฮฺ) ถูกประทานลงมาว่าوَلَا تُصَلِّ عَلَىٰ أَحَدٍ مِّنْهُم مَّاتَ أَبَدًا وَلَا تَقُمْ عَلَىٰ قَبْرِهِ ۖ إِنَّهُمْ كَفَرُوا بِاللَّهِ وَرَسُولِهِ وَمَاتُوا وَهُمْ فَاسِقُونَ﴿٨٤﴾ وَلَا تُعْجِبْكَ أَمْوَالُهُمْ وَأَوْلَادُهُمْ ۚ إِنَّمَا يُرِيدُ اللَّهُ أَن يُعَذِّبَهُم بِهَا فِي الدُّنْيَا وَتَزْهَقَ أَنفُسُهُمْ وَهُمْ كَافِرُونَ﴿﴾٨٥
และอย่าได้ละหมาดให้กับคนใดในหมู่พวกเขา (พวกมุนาฟิก) ที่ตายไปเป็นอันขาด และอย่ายืนที่หลุมศพของเขาด้วย แท้จริงพวกเขาปฏิเสธศรัทธาต่ออัลลอฮฺและเราะสูลของพระองค์ และพวกเขาได้ตายลง ขณะที่พวกเขาเป็นผู้ละเมิด * และอย่าได้พึงใจกับทรัพย์สมบัติของพวกเขาและลูก ๆ ของพวกเขาด้วย แท้จริงอัลลอฮฺประสงค์ที่จะลงโทษพวกเขาด้วยสิ่งเหล่านั้นในโลกนี้ และประสงค์ที่จะให้ชีวิตของพวกเขาออกจากร่างไป ขณะที่พวกเขาเป็นผู้ปฏิเสธศรัทธา (อัตเตาบะฮฺ 9 : 84-85)ท่านอุมัรกล่าวว่า : นับตั้งแต่วันนั้นฉันก็รู้สึกแปลกใจกับความอาจหาญของฉันต่อท่านเราะสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะสัลลัม อัลลอฮฺและเราะสูลของพระองค์รู้ดีที่สุด(บันทึกโดยอัลบุคอรีย์ หะดีษเลขที่ 1366)
สถานะหะดีษ : เศาะฮีหฺ