หะดีษเลขที่ 39
ผู้หญิงที่ต้องการทำหัจญ์
حَدَّثَنَا أَبُو عَبْدِ اللَّهِ مُحَمَّدُ بْنُ يَعْقُوبَ الْحَافِظُ، حَدَّثَنَا يَحْيَى بْنُ مُحَمَّدِ بْنِ يَحْيَى، حَدَّثَنَا مُسَدَّدٌ، حَدَّثَنَا عَبْدُ الْوَارِثِ بْنُ سَعِيدٍ الْعَنْبَرِيُّ، عَنْ عَامِرٍ الْأَحْوَلِ، عَنْ بَكْرِ بْنِ عَبْدِ اللَّهِ الْمُزَنِيِّ، عَنِ ابْنِ عَبَّاسٍ رَضِيَ اللَّهُ عَنْهُمَا، قَالَ :أَرَادَ رَسُولُ اللَّهِ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ الْحَجَّ، فَقَالَتِ امْرَأَةٌ لِزَوْجِهَا : حُجَّ بِي مَعَ رَسُولِ اللَّهِ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ، فَقَالَ : مَا عِنْدِي مَا أُحِجُّكِ عَلَيْهِ، قَالَتْ : فَحَجَّ بِي عَلَى نَاضِحِكَ، فَقَالَ : ذَاكَ نَعْتَقِبُهُ أَنَا وَوَلَدُكِ، قَالَتْ : فَحُجَّ بِي عَلَى جَمَلِكَ فُلَانٍ، قَالَ : ذَلِكَ حَبِيسٌ فِي سَبِيلِ اللَّهِ، قَالَتْ : فَبِعْ تَمْرَ رِقِّكَ، قَالَ : ذَاكَ قُوتِي وَقُوتُكِ،قَالَ : فَلَمَّا رَجَعَ النَّبِيُّ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ مِنْ مَكَّةَ أَرْسَلَتْ إِلَيْهِ زَوْجَهَا فَقَالَتْ : أقْرِئْ رَسُولَ اللَّهِ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ مِنِّي السَّلَامَ، وَسَلْهُ مَا يَعْدِلُ حَجَّةً مَعَكَ؟، فَأَتَى زَوْجُهَا النَّبِيَّ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ، فَقَالَ : يَا رَسُولَ اللَّهِ إِنَّ امْرَأَتِي تُقْرِئُكَ السَّلَامَ وَرَحْمَةَ اللَّهِ، وَإِنَّهَا قَالَتْ : أَنَّ أَحُجَّ بِهَا مَعَكَ، فَقُلْتُ لَهَا : لَيْسَ عِنْدِي، قَالَتْ : فَحَجَّ بِي عَلَى جَمَلِي فُلَانٍ، فَقُلْتُ لَهَا : ذَلِكَ حَبِيسٌ فِي سَبِيلِ اللَّهِ،قَالَ النَّبِيُّ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ { أَمَا إِنَّكِ لَوْ كُنْتِ حَجَجْتِ بِهَا كَانَ فِي سَبِيلِ اللَّهِ } فَقَالَ : فَضَحِكَ النَّبِيُّ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ تَعَجُّبًا مِنْ حِرْصِهَا عَلَى الْحَجِّ،قَالَ : وَإِنَّهَا أَمَرْتَنِي أَنْ أَسْأَلَكَ مَا تَعْدِلُ حَجَّةً مَعَكَ؟، قَالَ { أقْرِئهَا مِنِّي السَّلَامَ وَرَحْمَةَ اللَّهِ، وَأَخْبِرْهَا أَنَّهَا تَعْدِلُ حَجَّةً مَعِي عُمْرَةٌ فِي رَمَضَانَ } هَذَا حَدِيثٌ صَحِيحٌ عَلَى شَرْطِ الشَّيْخَيْنِ، وَلَمْ يُخَرِّجَاهُ
อบูอับดุลลอฮฺ มุฮัมหมัด บินยะอฺกูบ อัลหาฟิซ ได้รายงานแก่พวกเราว่า ยะหฺยา บินมุฮัมหมัด บินยะหฺยา ได้รายงานแก่พวกเราว่า มุสัดดัดได้รายงานแก่พวกเราว่า อับดุลวาริษ บินสะอีด อัลอันบะรีย์ ได้รายงานแก่พวกเรา จากอามิร อัลอะหฺวัล จากบักรฺ บินอับดุลลอฮฺ อัลมุซะนีย์ จากท่านอิบนุอับบาส เราะฎิยัลลอฮุอันฮฺ เล่าว่า :ท่านเราะสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะสัลลัม ต้องการไปทำหัจญ์ ผู้หญิงคนหนึ่งจึงได้กล่าวกับสามีของเธอว่า “ช่วยพาฉันไปทำหัจญ์พร้อมกับท่านเราะสูลุลลอฮฺด้วยเถิด” สามีของเธอตอบว่า “ฉันไม่มีอะไรที่จะใช้พาเธอไปทำหัจญ์ได้เลย” เธอก็กล่าวว่า “ฉันจะไปทำหัจญ์ด้วยสัตว์พาหนะของฉันเอง” สามีก็กล่าวว่า “มันจะทำให้ฉันกับลูก ๆ ของเธอต้องลำบากนะ” เธอจึงกล่าวว่า “ถ้าอย่างนั้นฉันจะไปทำหัจญ์ด้วยอูฐของคนนั้น” สามีของเธอก็กล่าวว่า “นั่นมันอูฐที่ใช้ในหนทางของอัลลอฮฺนะ” เธอก็กล่าวว่า “ถ้าอย่างนั้น ขายอินทผลัมและทาสของท่านเถอะ (แล้วซื้อสัตว์พาหนะแทน)” สามีตอบว่า “นั่นคือทรัพย์สิน (สุดท้าย) ของฉันและของเธอด้วย”ผู้รายงานได้เล่าต่อว่า : เมื่อท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะสัลลัม กลับมาจากมักกะฮฺ ผู้หญิงคนนั้นก็ขอให้สามีของเธอไปหาท่านนบี เธอบอกว่า “ฝากสลามจากฉันให้กับท่านเราะสูลุลลอฮฺด้วย ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะสัลลัม และฝากถามท่านด้วยว่ามีสิ่งใดที่เทียบเท่าการทำหัจญ์ร่วมกับท่านบ้าง?” สามีของเธอก็ได้มาหาท่านนบีและกล่าวว่า “ท่านเราะสูลุลลอฮฺครับ ภรรยาของผมฝาก (สลาม) ความศานติและความเมตตาจากอัลลอฮฺมาให้ท่าน และเธอบอกว่า ‘เธออยากจะไปทำหัจญ์พร้อมกับท่าน’ แต่ผมบอกเธอว่า ‘ฉันไม่มีอะไรเลย’ เธอก็กล่าวว่า ‘ฉันจะขี่อูฐของคนนั้น' ผมจึงพูดกับเธอว่า ‘นั่นมันอูฐที่ใช้ในหนทางของอัลลอฮฺ’”ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะสัลลัม กล่าวว่า “ถ้าเธอต้องการไปทำหัจญ์กับอูฐตัวนั้น ก็ถือว่าเป็นการใช้ในหนทางของอัลลอฮฺเช่นกัน” ผู้รายงานกล่าวว่า : แล้วท่านนบีก็หัวเราะ ท่านรู้สึกประทับใจกับความมุ่งมั่นที่จะไปทำหัจญ์ของเธอชายคนนั้นกล่าวต่ออีกว่า “เธอยังฝากให้ผมถามท่านด้วยว่า มีอะไรที่เทียบเท่าการทำหัจญ์ร่วมกับท่านบ้างไหมครับ?” ท่านนบีกล่าวว่า “ฉันขอฝาก (สลาม) ความศานติและความเมตตาจากอัลลอฮฺให้กับเธอ และบอกเธอเถิดว่า แท้จริงสิ่งที่เทียบเท่าการทำหัจญ์ร่วมกับฉันก็คือ การทำอุมเราะฮฺในเดือนเราะมะฎอน”นี่คือหะดีษเศาะฮีหฺตามเงื่อนไขของเชคทั้งสอง (คือ อิมามอัลบุคอรีย์และมุสลิม) แม้ทั้งสองไม่ได้รายงานมัน(บันทึกโดยอัลหากิม ใน “อัลมุสตัดร็อก” หะดีษเลขที่ 1785 และ 1802 และท่านกล่าวว่า “สายรายงานของมันเศาะฮีหฺ”)
สถานะหะดีษ : เศาะฮีหฺ