:: น้ำตาของคุณหายไปไหน? ::
อบูมุศลิหฺ อารี วะหฺยูดี เขียน I Zunnur แปล
ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะสัลลัม กล่าวว่า
لَا يَلِجُ النَّارَ رَجُلٌ بَكَى مِنْ خَشْيَةِ اللَّهِ حَتَّى يَعُودَ اللَّبَنُ فِي الضَّرْعِ
ผู้ใดที่ร้องไห้ด้วยความเกรงกลัวต่ออัลลอฮ จะไม่มีทางเข้านรกเด็ดขาด จนกว่าน้ำนม (ที่ถูกบีบออก) จะกลับเข้าไปที่เดิม (บันทึกโดยอัตติรมีซีย์ หะดีษเลขที่ 1633)
ท่านเราะสูลุลลอฮ ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะสัลลัม ได้กล่าวอีกว่า
سَبْعَةٌ يُظِلُّهُمْ اللَّهُ فِي ظِلِّهِ يَوْمَ لَا ظِلَّ إِلَّا ظِلُّهُ الْإِمَامُ الْعَادِلُ وَشَابٌّ نَشَأَ فِي عِبَادَةِ رَبِّهِ وَرَجُلٌ قَلْبُهُ مُعَلَّقٌ فِي الْمَسَاجِدِ وَرَجُلَانِ تَحَابَّا فِي اللَّهِ اجْتَمَعَا عَلَيْهِ وَتَفَرَّقَا عَلَيْهِ وَرَجُلٌ طَلَبَتْهُ امْرَأَةٌ ذَاتُ مَنْصِبٍ وَجَمَالٍ فَقَالَ إِنِّي أَخَافُ اللَّهَ وَرَجُلٌ تَصَدَّقَ أَخْفَى حَتَّى لَا تَعْلَمَ شِمَالُهُ مَا تُنْفِقُ يَمِينُهُ وَرَجُلٌ ذَكَرَ اللَّهَ خَالِيًا فَفَاضَتْ عَيْنَاهُ
เจ็ดจำพวกที่จะได้อยู่ใต้ร่มเงาของอัลลอฮ ในวันที่ไม่มีร่มเงาใดเลยนอกจากร่มเงาของพระองค์ คือ (1) ผู้นำที่ยุติธรรม (2) หนุ่มสาวที่เติบโตขึ้นในการอิบาดะฮฺต่ออัลลอฮ สุบหานะฮุวะตะอาลา (3) ชายที่หัวใจของเขาผูกพันกับมัสญิด (4) คนสองคน ที่เขารักกันเพื่ออัลลอฮ พบเจอและจากกันเพื่ออัลลอฮ (5) ชายที่ถูกผู้หญิงที่มีฐานะดีและสวยงามเชิญชวนเพื่อทำซินา แต่เขา (ปฏิเสธและ) กล่าวว่า “แท้จริงฉันเกรงกลัวต่ออัลลอฮ” (6) บุคคลที่บริจาคด้วยความปกปิด จนกระทั่ง มือซ้ายของเขาไม่รับทราบถึงสิ่งที่มือขวาได้บริจาคออกไป (7) บุคคลที่รำลึกถึงอัลลอฮเพียงลำพัง จนน้ำตาได้ไหลรินออกมาจากดวงตาทั้งสองของเขา” (บันทึกโดยอัลบุคอรีย์ หะดีษเลขที่ 629 และมุสลิม หะดีษเลขที่ 1031)
ท่านเราะสูลุลลอฮ ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะสัลลัม ยังกล่าวอีกว่า
عَيْنَانِ لَا تَمَسُّهُمَا النَّارُ عَيْنٌ بَكَتْ مِنْ خَشْيَةِ اللَّهِ وَعَيْنٌ بَاتَتْ تَحْرُسُ فِي سَبِيلِ اللَّهِ
ดวงตา 2 คู่ที่จะไม่สัมผัสกับไฟนรก คือ (1) ดวงตาที่ที่ร้องไห้เพราะเกรงกลัวต่ออัลลอฮ และ (2) ดวงตาที่คอยเฝ้าระวังศัตรูในหนทางของอัลลออ (บันทึกโดยอัตติรมีซีย์ หะดีษเลขที่ที่ 1639 เชคอัลบานีย์รับรองว่าเศาะฮีหฺ ในหนังสือ “เศาะฮีหฺ อัตติรมีซีย์” หะดีษเลขที่ 1338)
และท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได้กล่าวอีกว่า
لَيْسَ شَيْءٌ أَحَبَّ إِلَى اللَّهِ مِنْ قَطْرَتَيْنِ وَأَثَرَيْنِ قَطْرَةٌ مِنْ دُمُوعٍ فِي خَشْيَةِ اللَّهِ وَقَطْرَةُ دَمٍ تُهَرَاقُ فِي سَبِيلِ اللَّهِ وَأَمَّا الْأَثَرَانِ فَأَثَرٌ فِي سَبِيلِ اللَّهِ وَأَثَرٌ فِي فَرِيضَةٍ مِنْ فَرَائِضِ اللَّهِ
ไม่มีสิ่งใดจะเป็นที่รักยิ่งสำหรับอัลลอฮ มากไปกว่าน้ำตาและบาดแผล 2 ประเภท คือ (1) หยดน้ำตาที่ไหลรินเพราะเกรงกลัวต่ออัลลอฮ และ (2) หยดเลือดที่ไหลรินเพราะการต่อสู้ในหนทางของอัลลอฮ ส่วน 2 บาดแผลนั้นคือ (1) บาดแผลบนร่างกายที่เกิดจากการต่อสู้ในหนทางของอัลลอฮ และ (2) แผลบนร่างกายที่เกิดจากการปฏิบัติตามคำสั่งใช้ของอัลลอฮ” (บันทึกโดยอัตติรมีซีย หะดีษเลขที่ 1669 เชคอัลบานีย์กล่าวว่า เศาะฮีหฺ ในหนังสือ “เศาะฮีหฺ อัตติรมีซีย์” หะดีษเลขที่ 1363)
ท่านอับดุลลอฮ บินอุมัร เราะฎิยัลลอฮุอันฮฺ กล่าวว่า “แท้จริงฉันรักการร้องไห้เพราะความเกรงกลัวต่ออัลลอฮฺ มากกว่าการบริจาคเงิน 1,000 ดีนาร (ประมาณ 8.5 ล้านบาท)”
กะอบฺ อัลอะหฺบาร เราะหิมะฮุลลอฮ กล่าวว่า “แท้จริงการที่ฉันหลั่งน้ำตากระทั่งมันอาบแก้มทั้งสองข้างจนเปียกชุ่มเพราะความเกรงกลัวต่ออัลลอฮนั้น เป็นที่รักสำหรับฉันยิ่งกว่าการบริจาคทองคำที่มีขนาดเท่ากับตัวฉันเองเสียอีก”
ท่านอิบนุมัสอูด เราะฎิยัลลอฮุอันฮฺ กล่าวว่า “ครั้งหนึ่ง ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม เคยกล่าวกับฉันว่า “จงอ่านอัลกุรอานแก่ฉันเถิด” ฉันก็กล่าวกับท่านว่า “โอ้ท่านเราะสูลุลลอฮฺ ทำไมถึงให้ฉันอ่านอัลกุรอานให้ ทั้ง ๆ ที่อัลกุรอานนั้นถูกประทานลงมาให้กับท่านโดยตรง?” ท่านนบีตอบว่า “ฉันมีความสุขที่ได้ฟังการอ่านจากคนอื่น” แล้วฉันก็เริ่มอ่านสูเราะอฺอันนิสาอ์ เมื่อฉันอ่านถึงอายะฮฺนี้
فَكَيْفَ إِذَا جِئْنَا مِن كُلِّ أُمَّةٍ بِشَهِيدٍ وَجِئْنَا بِكَ عَلَىٰ هَٰؤُلَاءِ شَهِيدًا
แล้วอย่างไรเล่า เมื่อเรานำพยานคนหนึ่งจากแต่ละประชาชาติมา และเราได้นำเจ้า (โอ้มุฮัมหมัด) มาเป็นพยานต่อคนเหล่านี้ (อันนิสาอ์ 4 : 41)
ท่านเราะสูลก็กล่าวว่า “พอแล้ว แค่นี้พอแล้ว” เมื่อฉันหันไปมองท่าน ฉันเห็นน้ำตาไหลออกมาจาดวงตาของท่าน”(บันทึกโดยอัลบุคอรีย์ หะดีษเลขที่ 4763 และมุสลิม หะดีษเลขที่ 800)
มีรายงานจากอุบัยดิลลาฮ บินอุมัยรฺ เราะหิมะฮุลลอฮ ว่า : ครั้งหนึ่งเขาเคยกล่าวกับท่านหญิงอาอิชะฮฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮา ว่า “โปรดบอกพวกเราเกี่ยวกับสิ่งที่สร้างความประหลาดใจแก่ท่านเราะสูลุลลอฮ ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะสัลลัม ที่ท่านเคยเห็นมาด้วยเถิด?” แล้วท่านหญิงอาอิชะฮฺก็นิ่งเงียบ จากนั้นท่านก็กล่าวว่า : ในค่ำคืนหนึ่ง ท่านนบีได้กล่าวว่า “โอ้อาอิชะฮฺ ค่ำคืนนี้ให้ฉันได้อิบาดะฮฺต่อพระเจ้าของฉันน่ะ” ฉันก็กล่าวว่า“ขอสาบานต่ออัลลอฮ ฉันมีความสุขที่ได้อยู่ใกล้ท่าน แต่ฉันมีความสุข (ยิ่งกว่า) ที่ได้ทำให้ท่านมีความสุข’” ท่านหญิงอาอิชะฮฺเล่าต่อว่า : หลังจากนั้น (ท่านเราะสูล) ก็ลุกขึ้นทำความสะอาดร่างกายแล้วก็ละหมาด ท่านหญิงอาอิชะฮฺกล่าวว่า “ท่านร้องไห้ จนกระทั่งบริเวณด้านหน้าเสื้อของท่านเปียก” ท่านหญิงอาอิชะฮฺกล่าวว่า “เมื่อท่านนั่งลง (ในการละหมาด) ท่านก็ร้องไห้กระทั่งเคราของท่านเปียกชุ่มไปด้วยน้ำตา” ท่านหญิงกล่าวต่ออีกว่า “แล้วท่านก็ร้องไห้มากยิ่งขึ้น กระทั่งพื้น (ที่ท่านทำการละหมาด) ก็เปียกชื้นไปด้วยเช่นกัน”
แล้วต่อมา บิลาลก็ได้มาถึง (มัสญิด) เพื่ออะซานศุบฮฺ เมื่อบิลาลเห็นท่านเราะสูลุลลอฮ ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะสัลลัม ร้องไห้ ท่านก็กล่าวว่า “โอ้ท่านเราะสูลุลลอฮฺ ท่านร้องไห้กระนั้นหรือ? ทั้ง ๆ ที่อัลลอฮทรงอภัยให้กับความผิดของท่านทั้งที่ผ่านมาและในอนาคต?” แล้วท่านนบีก็ตอบว่า “จะมิให้ฉันเป็นบ่าวที่ขอบคุณต่ออัลลอฮฺกระนั้นหรือ? แท้จริงเมื่อคืนนี้ได้มีโองการหนึ่งมายังฉัน เลวร้ายยิ่งนัก ผู้ที่อ่านมันแล้วไม่ใคร่ครวญใด ๆ คืออายะฮฺที่ว่า
إِنَّ فِي خَلْقِ السَّمَاوَاتِ وَالْأَرْضِ وَاخْتِلَافِ اللَّيْلِ وَالنَّهَارِ لَآيَاتٍ لِّأُولِي الْأَلْبَابِ
แท้จริงในการสร้างบรรดาชั้นฟ้าและแผ่นดิน และการที่กลางวันและกลางคืนตามหลังกันนั้น แน่นอนมีหลายสัญญาณสำหรับผู้มีปัญญา (อาลิอิมรอน 3 : 190) กระทั่งจบสูเราะฮฺ” (บันทึกโดยอิบนุหิบบาน 2 : 386 และคนอื่น ๆ เชคอัลบานีย์รับรองว่าเศาะฮีหฺในหนังสือ “เศาะหีหฺ อัตตัรฆีบ” หะดีษเลขที่ 1468 และหนังสือ “อัศเศาะหีหะฮฺ” หะดีษเลขที่ 68)
ท่านมุอ๊าซ บินญะบัล เราะฎิยัลลอฮุอันฮฺ ก็เช่นกัน ครั้งหนึ่งท่านเคยร้องไห้ มีคนถามท่านว่า “ท่านร้องไห้ทำไม?” ท่านตอบว่า “เพราะอัลลอฮ ผู้ทรงสูงส่ง น้นจะทรงถอดถอนชีวิต 2 ประเภท และชีวิตหนึ่งจะได้เข้าไปในสวนสวรรค์ ในขณะที่อีกชีวิตหนึ่งจะเข้าสู่ไฟนรก และฉันไม่รู้ว่าฉันจะอยู่ในกลุ่มไหนจากสองนี้?”
อัลหะสัน อัลบัศรีย์ เราะหิมะฮุลลอฮ เคยร้องไห้ มีคนถามท่านว่า “ท่านร้องไห้ทำไม?” ท่านตอบว่า “ฉันเกรงว่าอัลลอฮจะโยนฉันลงไปในไฟนรกและไม่สนใจใยดีฉันอีกต่อไป”
ครั้งหนึ่ง ท่านอบูมูสา อัลอัชอารีย์ เราะฎิยัลลอฮุอันฮฺ ได้ขึ้นคุฏบะฮฺที่เมืองบัศเราะฮฺ และในคุฏบะฮฺนั้นท่านได้กล่าวถึงเรื่องนรก แล้วท่านก็ร้องไห้ จนกระทั่งน้ำตาของท่านทำให้แท่นมิมบัรเปียกชุ่มไปหมด และในวันนั้น ผู้คน (ที่ได้ฟังคุฏบะฮฺของท่าน) ต่างก็ร้องไห้ด้วยความซาบซึ้ง
ท่านอบูฮุร็อยเราะฮฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮฺ เคยร้องไห้เมื่อท่านเจ็บป่วย (ก่อนจะเสียชิวิต) มีคนถามท่านว่า “ท่านร้องไห้ทำไม?” ท่านตอบว่า “ฉันมิได้ร้องไห้เพราะโลกดุนยานี้ (ที่ฉันกำลังจะจากมันไป) แต่ฉันร้องไห้เพราะการเดินของฉันยังอีกยาวไกล แต่เสบียงของฉันมีอยู่น้อยมาก และเป็นไปได้ว่าบ่ายวันนี้ฉันอาจจะต้องเดินทางไปยังสวรรค์หรือไม่ก็นรกแล้ว และฉันไม่รู้เลยว่าฉันจะได้ไปอยู่ที่ไหน?
คืนหนึ่ง อัลหะสัน อัลบัศรีย์ เราะหิมะฮุลลอฮ ได้ตื่นขึ้นจากการนอนหลับ และท่านร้องไห้กระทั่งคนในบ้านต่างผวาและตื่นขึ้นมา แล้วพวกเขาก็ถามไถ่ท่านว่าเป็นอะไร ท่านตอบว่า “ฉันนึกถึงบาปอย่างหนึ่งของตัวเอง แล้วฉันก็ร้องไห้”
ผู้เขียนขอกล่าวว่า หากว่าอัลหะสัน อัลบัศรีย์ ร้องไห้เพียงเพราะนึกถึงความผิดบาปเพียงหนึ่งอย่างที่ท่านเคยทำมา แล้วจะเป็นอย่างไรอีกเล่ากับคนที่ที่รับรู้ถึงจำนวนความผิดบาปอันมากมายของตนเอง ที่ไม่สามารถนับได้ด้วยนิ้วมือและนิ้วเท้า? ช่างห่างไกลกันเหลือเกิน ระหว่างพวกเรากับอัสสะละฟุศศอลิหฺ นี่คือผู้คนในยุคสะลัฟ โอ้พี่น้องของผม บาปของท่านทำให้ท่านร้องไห้และกลับเนื้อกลับตัวต่อพระเจ้าของท่านบ้างไหม?
أَفَلاَ يَتُوبُونَ إِلَى اللّهِ وَيَسْتَغْفِرُونَهُ وَاللّهُ غَفُورٌ رَّحِيمٌ
พวกเขาจะไม่สำนึกผิดกลับเนื้อกลับตัวต่อัลลอฮ และขออภัยโทษต่อพระองค์กระนั้นหรือ? และอัลลอฮนั้นเป็นผู้ทรงอภัยโทษผู้ทรงเอ็นดูเมตตาเสมอ (อัลมาอิดะฮฺ 5 : 74)
อยู่ไหนกันบ้าง…พวกเราที่เหมือนกับพวกเขา!
มีอยู่ไหม…พวกเราที่มีเหมือนพวกเขา!
โอ้พี่น้องของผม…จงพยายามเป็นเหมือนชาวสะลัฟเถิด!
——————–
สรุปจากหนังสือ
“อัลบุกาอ์ มิน ค็อชยะติลลาฮ, อัสบาบุฮู วะมะวานิอุฮู วะฏุรุก ตะหฺศีลิฮี (หน้า 4-13)
เขียนโดย อบูฏอริก อิหฺสาน บินมุหัมมัด บินอาอิช อัลอุตัยบีย์
“อัลบุกาอ์ มิน ค็อชยะติลลาฮ, อัสบาบุฮู วะมะวานิอุฮู วะฏุรุก ตะหฺศีลิฮี (หน้า 4-13)
เขียนโดย อบูฏอริก อิหฺสาน บินมุหัมมัด บินอาอิช อัลอุตัยบีย์